นายทรงธรรม เพียรพัฒนาวิทย์ ผู้อำนวยการบริหาร ด้านลูกค้าองค์กรธุรกิจและบริการระหว่างประเทศ บริษัททรู คอร์ปอเรชั่นจำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มทรูได้พัฒนาเครื่อข่ายทั้งบริการแบบมีสายและไร้สายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศทำให้การทำตลาดลูกค้าองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยล่าสุดกลุ่มทรูมีรายได้จากลูกค้าองค์กรราว 8,000 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท จากรายได้ของทั้งกลุ่มที่ประมาณ 60,000-70,000 ล้านบาท "การมีเครือข่ายที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะโครงข่าย 3 จี บนบริการทรูมูฟเอช ทำให้เรามีโอกาสทำตลาดลูกค้าองค์กรมากขึ้น โดยเฉพาะองค์กรที่ต้องการ ใช้งานอินตอร์เน็ตไร้สายจะเริ่มนึกถึงเราก่อน ทำให้โอกาสในการได้ลูกค้า โดยเฉพาะในส่วนบริการดาต้าเพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 90% แล้ว ที่สำคัญเรายังมองว่าการปรบค่าแรงขึ้นเป็นวันละ 300 บาท ในช่วงปีหน้านั้น จะเป็นโอกาสที่ดียิ่ง เนื่องจากผู้ประกอบการจะต้องหันมาใช้เทคโนโลยีแทนแรงงานคนเพื่อลดต้นทุนเทคโนโลยีของทรูจะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกค้าเอสเอ็มอีในต่างจังหวัด ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก"
          นายทรงธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มทรูได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษผ่านทรูวิชั่นส์ ฤดูกาลล่าสุดเป็นฤดูกาลสุดท้าย เนื่องจากไม่สามารถประมูลแข่งขันชิงลิขสิทธิ์ในฤดูกาลถัดไปต่ออีก 3 ปีได้ว่า ในส่วนของลูกค้าองค์กรนั้นคงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เนื่องจากการทำตลาดลูกค้าองค์กรส่วนใหญ่ไม่รวมบริการของทรูวิชั่นส์พ่วงไปด้วย เนื่องจากติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์
          นายทรงธรรมยังกล่าวถึงการปรับตัวเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ในปี 2558 ว่า ในส่วนของทรูนั้นมองว่ามีแต่โอกาสเพราะการแข่งขันจะช่วยทำให้ธุรกิจมีโอกาสพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องในอีกทางหนึ่งเชื่อว่าการไหลเวียนของธุรกิจในกลุ่มเออีซีนั้น มองพม่าเป็นอันดับแรก โดยขณะนี้กำลังศึกษาในรายละเอียดเพื่อขอใบอนุญาตประกอบกิจการเคเบิลทีวี รวมทั้งธุรกิจข่ายสาย (business data) ที่ทางทรูมีความเชี่ยวชาญอยู่