ทรูซื้อหุ้น BITCO คืนจากซีพี หลังสถานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น
บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ซื้อคืนหุ้นบริษัท BITCO (บริษัทแม่ของทรูมูฟ) จำนวน 6 พันล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.5 พันล้านบาท จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 2551 ที่อนุมัติให้ซื้อคืนหุ้นดังกล่าว เมื่อครบกำหนดการซื้อคืน ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2552 ส่งผลให้ทรูมีสัดส่วนการถือหุ้นในทรูมูฟเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 98.9
สถานภาพทางการเงินของกลุ่มแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากการผลประกอบการของทรูมูฟที่ปรับตัวดีขึ้น ต่อเนื่อง ตั้งแต่กลางปี 2551 เป็นต้นมา ในขณะเดียวกัน การออกหุ้นกู้เพื่อใช้คืนหนี้เดิม (Refinancing) ประสบความสำเร็จเกินคาด ทำให้บริษัทฯ สามารถลดจำนวนเงินกู้ที่ต้องชำระคืนในแต่ละปี และมีกระแสเงินสดเพียงพอสำหรับการซื้อคืนหุ้นในครั้งนี้
ในไตรมาส 1 ปี 2552 กลุ่มทรูมีผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ดีที่สุด คือ ไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ผลการดำเนินงานของทรูมูฟปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดย EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว เป็น 1.9 พันล้านบาท
นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน กล่าวว่า “ขณะนี้ทรูมูฟมีความแข็งแกร่งขึ้น หลังประสบความสำเร็จในการเพิ่มยอดผู้ใช้และรายได้จากบริการ อีกทั้งยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและลดค่าเชื่อมโยงโครงข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การซื้อคืนหุ้นบริษัท BITCO จากซีพี ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ จึงสามารถดำเนินการได้ตามระยะเวลาที่กำหนด”
“สถานะทางการเงินโดยรวมของกลุ่มทรูปรับตัวดีขึ้น หลังการเพิ่มทุนและออกหุ้นกู้สกุลเงินบาท ประกอบกับกำหนดการชำระหนี้สอดคล้องกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการซื้อคืนหุ้น ทั้งนี้ การซื้อคืนหุ้นดังกล่าว จะทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการเติบโตของทรูมูฟในอนาคต ซึ่งรวมถึงโอกาสในการสร้างรายได้จากบริการ 3G”
ในเดือนธันวาคม 2550 ซีพีได้สนับสนุนเงินจำนวน 3 พันล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจของทรูมูฟ ด้วยวิธีการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท BITCO พร้อมทั้งเสนอให้ทรูซื้อหุ้นดังกล่าวคืนภายในระยะเวลา 18 เดือน (ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 11 มิถุนายน 2552) ในราคาต้นทุนบวกค่าใช้จ่าย ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการซื้อคืน โดยกำหนดราคาหุ้นละ 0.53 บาท สำหรับการซื้อคืนภายใน 6 เดือนแรกของข้อตกลง หุ้นละ 0.56 บาท สำหรับการซื้อคืนระหว่างเดือนที่ 7-12 และราคาหุ้นละ 0.59 บาท สำหรับการซื้อคืนระหว่างเดือนที่ 13-18 โดยที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของทรู ณ วันที่ 29 เมษายน 2551 ได้มีมติเห็นชอบให้บริษัทฯ ดำเนินการ ดังกล่าว
“ทรูซาบซึ้งในความช่วยเหลือเกื้อกูลที่ซีพีให้การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทมาโดยตลอด ส่งผลให้ธุรกิจของกลุ่มทรูเติบโตขึ้นเป็นลำดับ รวมทั้งมีส่วนเสริมให้ฐานะทางการเงินของกลุ่มปรับตัวดีขึ้น” นายนพปฎลกล่าวเสริม
“เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตลอดจนผู้ถือหุ้นของทรูมีความเชื่อมั่นในบริษัทฯ รวมทั้งโอกาสในการเติบโตของ ทรูมูฟและอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะยังคงรักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวดต่อไป ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ซึ่งยังเห็นโอกาสที่บริษัทสามารถขยายตัว พร้อมๆ กับพัฒนาการของอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมโดยรวมที่ยังเติบโตต่อไป” นายนพปฎลกล่าวปิดท้าย