แปซิฟิค เฮลธ์แคร์ มั่นใจกระแสสุขภาพยังเติบโตต่อเนื่อง ประกาศก้าวสู่ผู้นำตลาดสุขภาพทั้งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์นมผงแพะ "ดีจี" นำเข้าจากนิวซีแลนด์ โดยดึงลูกเกด (เมธินี วอชิงตัน กิ่งโพยม) เป็นพรีเซ็นเตอร์ สะท้อนภาพคุณแม่รุ่นใหม่ มุ่งเจาะตลาดนมระดับพรีเมี่ยม วางจำหน่ายครอบคลุมทั้งซุปเปอร์มาร์เกต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา และร้านค้าทั่วประเทศ ตั้งเป้า เติบโตมากกว่า 20% ต่อเนื่องทุกปี

นายประเสริฐ ไวยาวัจมัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค เฮลธ์แคร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อสุขภาพชั้นนำจากทั่วโลก เปิดเผยว่า กระแสสุขภาพยังคงได้รับความสนใจจากประชาชนทุกกลุ่มทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ แปซิฟิค เฮลธ์แคร์ เร่งรุกทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อสุขภาพอย่างเต็มรูปแบบ โดยในปี 2554 เตรียมรุกตลาดผลิตภัณฑ์นมผงแพะ ภายใต้แบรนด์ "ดีจี"  ซึ่งนำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ 100% ทั้ง 3 สูตร ได้แก่ คือ ดีจี-1 สูตร 1 สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 1 ขวบ ดีจี-2 สูตร 2 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 3 ขวบ ดีจี-3 แอดวานซ์ สูตร 3 สำหรับเด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป จนถึงทุกคนในครอบครัว เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน คุณแม่รุ่นใหม่ ครอบครัวรุ่นใหม่อย่างจริงจัง หลังนำเข้ามาทำตลาดในประเทศ ไทยมาประมาณ 6 ปีแล้ว และเริ่มมียอดขายเติบโต 2-3 เท่าตัวอย่างต่อเนื่อง จากการบุกขยายตลาดผ่านโรงพยาบาล, ซุปเปอร์มาร์เกต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, ร้านขายยา และร้านค้าทั่วประเทศ โดยตั้งเป้า มียอดจำหน่ายเติบโตมากกว่า 20% ต่อเนื่องทุกปี

ปัจจุบัน ตลาดนมผงสำหรับเด็กมีสภาวะการแข่งขันที่เข้มข้น โดยมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึงกว่า 15,000 ล้านบาท ทำให้ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์นมแบรนด์ต่างๆ ทุ่มใช้กลยุทธ์ด้านการตลาดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาส่งเสริมการขาย การแข่งขันเรื่องสารอาหาร และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เติมสารอาหารทุกอย่างให้ใกล้เคียงกับนมแม่มากที่สุด ในขณะที่ พบว่าคนไทยมีเปลี่ยนพฤติกรรมมุ่งเน้นการป้องกัน ด้วยการใช้และบริโภคสินค้าเพื่อสุขภาพมากกว่าการรักษาเมื่อเกิดโรคมากขึ้น แปซิฟิค เฮลธ์แคร์ จึงเห็นเป็นโอกาสที่จะรุกตลาดผลิตภัณฑ์นมผงแพะอย่างจริงจัง เนื่องจาก เหมาะกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ โดย

 ในส่วนของนมผงแพะที่มีระบบคัดหลั่งคล้ายคลึงกับนมแม่ เรียกว่า Aprocrine secretion ซึ่งต่างจากนมวัวที่เป็นแบบ Merocrine secretion จึงทำให้นมแม่และนมแพะอุดมด้วยสารอาหารใกล้เคียงกัน คือ นิวคลีโอไทด์ ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, ทอรีน ช่วยเสริมพัฒนาการทางสมองและสายตา, โพลีเอมีนส์ ลดการอักเสบและการแพ้อาหารที่ลำไส้ และโกรทแฟคเตอร์ ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของร่างกาย ซึ่งย่อยได้ดีกว่านมวัว ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง อีกทั้ง เป็นที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลายในประเทศแถบเอเชียและยุโรป

ที่ผ่านมา ได้ใช้งบประมาณในการทำตลาดผลิตภัณฑ์นมแพะ ดีจี ไปแล้วกว่า 70 ล้านบาท และในปี 2554 มีแผนที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มในซุปเปอร์มาร์เกต ไฮเปอร์มาร์เกต ร้านขายยาชื่อดัง และร้านค้าทั่วไป จากเดิมที่เน้นให้แพทย์เป็นผู้ให้ความรู้กับกลุ่มลูกค้าตามโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ พร้อมดึง ลูกเกด-เมทินี วอชิงตัน กิ่งโพยม นางแบบดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรก ซึ่งเป็นผู้ที่ใช้และมั่นใจในผลิตภัณฑ์นมแพะ ดีจี ในการเลี้ยงดูบุตร โดยเชื่อว่าจะช่วยขยายฐานลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น และช่วยผลักดันให้ยอดขายสิ้นปี 53 ปี 54 และปีต่อๆ ไปเติบโตมากกว่า 20%  นายประเสริฐกล่าวและเพิ่มเติมว่า

สำหรับแนวทางการรุกตลาดผลิตภัณฑ์นมแพะ ดีจี ในปี 2554 จะมีการเตรียมงบในการทำกิจกรรมการตลาดทุกรูปแบบเพิ่มขึ้น รวมถึงไปถึงการจัดทำเว็บไซต์ www.dgsmartmom.com  และเฟซบุ๊ก (facebook) dg smartmom เพื่อให้ความรู้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เนื่องจากนมแพะและนมผงแพะถือเป็นสิ่งใหม่ จึงมุ่นเน้นสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นคุณแม่รุ่นใหม่ ได้มีข้อมูลความรู้และความเข้าใจในคุณประโยชน์ของนมผงแพะที่แตกต่างจากนมวัว เป็นทางเลือกใหม่ สำหรับคุณแม่ยุคใหม่ เพราะครบถ้วนด้วยโภชนาการที่สมบูรณ์ พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันในด้านต่างๆให้แก่ลูกได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์นมแพะ ดีจี จัดจำหน่าย ขนาด 400 กรัม ในราคา 380 บาท และขนาด 800 กรัม ในราคา 720 บาท โดยปัจจุบัน มีฐานลูกค้าอยู่กว่า 50,000 ราย ในปีหน้า มีแผนที่จะเปิดสมาร์ทคลับ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า และขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่ม ซึ่งมั่นใจว่าจะสนับสนุนในการขยายตลาดและการเติบโตของยอดขายให้เป็นไปตามเป้าอย่างแน่นอน"

ยิ่งไปกว่านั้น แปซิฟิค เฮลธ์แคร์ ยังได้ขยายตลาดผลิตภัณฑ์นมผงแพะ "ดีจี" ไปยังประเทศแถบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นต้น เนื่องจากเป็นตลาดนมที่ใหญ่มาก มีประชากรรวมแล้วมากกว่า 600 ล้านคน สำหรับ ผลิตภัณฑ์นมแพะ ดีจี ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ได้รับการต้อนรับในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าในประเทศไทยก็จะได้รับการตอบรับรับจากคุณแม่รุ่นใหม่อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน นายประเสริฐกล่าวสรุปในที่สุด