เอเวอร์เซ้นส์ ทุ่มงบกว่า 200 ล้าน
ดึง “บิ๊กแบง” เป็นพรีเซ็นเตอร์ รุกตลาดรับไตรมาส 2
เอเวอร์เซ้นส์ ปรับกลยุทธ์รุกตลาด ดึงศิลปินบอยแบนด์เกาหลี อันดับ 1 “บิ๊กแบง” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ตอกย้ำแบรนด์คอนเซ็ปต์ “ อานุภาพความหอม ” ให้แข็งแกร่ง พร้อมทุ่มงบตลาดปีนี้กว่า 200 ล้าน ผ่านแคมเปญยักษ์ “เอเวอร์เซ้นส์ บิ๊กแบง เกิร์ล [Eversense Big Bang Girl] คัดสาวมั่นชนะคลิปโหวตร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์หนังโฆษณาชุดใหม่ ปลี้มกระแสแรงเกิดคาด สาววัยใสนับพันแห่ร่วมกิจกรรมจากทั่วประเทศ ตั้งเป้าก้าวสู่เบอร์หนึ่งในกลุ่มโคโลญและโรลออนวัยรุ่นหญิง มั่นใจผลักดันยอด ขายเพิ่มขึ้น 40%
นายเสรี จิระสุวรรณกิจ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอ คอนซูเมอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ เอเวอร์เซ้นส์ ได้ปรับ กลยุทธ์การรุกตลาดให้มีสีสัน โดยจะเน้นภาพลักษณ์ให้แสดงออกถึงเอกลักษณ์ความเป็นตัวของตัวเอง ทั้งส่วนของแบรนด์ เพอโซแนลลิตี้ [Brand personality] และตัวสินค้า ด้วยนำจุดเด่นของแบรนด์มาผสานกัน คือ ความหอมและความสดใส เพื่อสะท้อนถึงความเป็นวัยรุ่นสาวที่มีความมั่นใจ และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง กล้าแสดงออก ได้อย่างชัดเจน ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักของเอเวอร์เซ้นส์ ขณะเดียวกัน ได้นำศิลปินบอยแบนด์ อันดับ 1 จากเกาหลี “บิ๊กแบง” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์หลัก เพื่อช่วยตอกย้ำแบรนนด์คอนเซ็ป “อานุภาพความหอม” ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในการรุกตลาดช่วงไตรมาสที่ 2 ได้จัดแคมเปญ “เอเวอร์เซ้นส์ บิ๊กแบง เกิร์ล [Eversense Big Bang Girl] โดยใช้งบประมาณ 120 ล้านบาท จากงบส่งเสริมตลาดที่ตั้งไว้ปีนี้ 200 บาท เพื่อสร้างกระแสกระตุ้นตลาดตลอดปี พร้อมกับตั้งเป้ายอดขายรวมเพิ่มขึ้น 40%
“ภาพรวมของตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์โคญและโรออนวัยรุ่นหญิง ยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลักมาจากสภาพอากาศในสภาวะโลกร้อน ประกอบกับกลุ่มวัยรุ่นหญิงมีไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจต่อบุคลิกตัวเองมากขึ้น ทำให้ในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมสูงประมาณ 700 ล้านบาท เอเวอร์เซ้นส์มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ในตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้ความหอมและระงับกลิ่นกายของวัยรุ่นหญิง โดยถือได้ว่า เอเวอร์เซ้นส์ เป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพสูงในการแข่งขัน สามารถรักษาสัดส่วนทางการตลาดมาได้ โดยใช้งบประมาณส่งเสริมทางการตลาดในสัดส่วนที่น้อยกว่าคู่แข่งในตลาด สำหรับการรุกตลาดในปีนี้ เอเวอร์เซ้นส์ จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างแบรนด์ ผ่านองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้พรีเซ็นเตอร์ระดับอินเตอร์ การจัดคอนซูเมอร์โปรโมชั่น เช่นการทำราคาพิเศษ แถมของพรีเมี่ยมไปกับสินค้า และการจัด โรดโชว์ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับ การจัดแคมเปญใหญ่ “เอเวอร์เซ้นส์ บิ๊กแบง เกิร์ล ที่เปิดโอกาสให้วัยรุ่นหญิง อายุระหว่าง 12-25 ส่งคลิปวิดีโอแนะนำตัวเองคู่กับผลิตภัณฑ์เอเวอร์เซ้นส์ เข้ามาร่วมประกวดโหวต โดย 2 คนจากผู้ได้รับคะแนนคลิกโหวตสูงสุด 10 อันดับแรก จะถูกเลือกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ เอเวอร์เซ้นส์ ชุดใหม่ ร่วมกับ บิ๊กแบง ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จและกระแสการตอบรับแรง มีวัยรุ่นหญิงสนใจเข้ามาร่วมกิจกรรมผ่าน www.eversense-bigbanggirl.com นับพันรายเลยทีเดียว” นายเสรี กล่าวและเพิ่มเติมว่า
ผลิตภัณฑ์ของเอเวอร์เซ้นส์ได้รับการยอมรับทั้งในด้านคุณภาพและการพัฒนาสินค้าจากกลุ่มผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง การตัดสินใจเลือก “บิ๊กแบง” บอยแบนด์อันดับ 1 จากเกาหลี ที่ได้รับการยอมรับ ทั้งบุคลิกที่มีเสน่ห์และความสามารถเฉพาะตัวที่หลากหลาย ซึ่งถือได้ว่าสอดคล้องกับแบรนด์ เอเวอร์เซ้นส์ ที่เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีหลากหลายลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้เสริมเสน่ห์ได้ครบทุกความต้องการ โดยในปัจจุบัน เอเวอร์เซ้นส์มีสินค้าหลัก 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่มโคโลญ ซึ่งประกอบด้วย เอเวอร์เซ้นส์ ไอซ์ซี่โคโลญ , เอเวอร์เซ้นส์ มิกซ์ & แมทช์ มอยซ์ โคโลญ, เอเวอร์เซ้นส์ เพอร์ฟูมมิสท์ และ เอเวอร์เซ้นส์ แฮปปี้สกิน มอยซ์ โคโลญ กลุ่มโรลออน ประกอบด้วย เอเวอร์เซ้นส์ เนเชอรัลไวท์ โรลออน, เอเวอร์เซ้นส์ ไวท์ & ดราย โรลออน, เอเวอร์เซ้นส์ ไวท์ & ดราย โพรเทค โรลออน, และ เอเวอร์เซ้นส์ โยเกิร์ต โรลออนเอ็กซ์ตร้าไวท์ โดยมีช่องทางจำหน่ายผ่าน ซุปเปอร์สโตร์ และ คอนวีเนียนสโตร์ ทั่วประเทศ
ปัจจุบันการแข่งขันของสินค้าในตลาดวัยรุ่นหญิงนั้นค่อนข้างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นแง่ของการใช้สื่อโฆษณาหรือการแข่งขันเรื่องของราคา ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่ได้มีการขยายตัวมากนัก จึงทำให้การวางแผนการตลาดจะต้องรอบคอบมากขึ้น ซึ่งทางเอเวอร์เซ้นส์มั่นใจว่าการตัดสินใจใช้ บิ๊กแบง เป็นพรีเซ็นเตอร์ครั้งนี้ จะสามารถเสริมสร้างแบรนด์ แอคทิเวชั่น [Brand Activation] ระหว่าง เอเวอร์เซ้นส์ และ ผู้บริโภค ให้มีความผูกพันมั่นคงมากขึ้น โดยผลจากการเริ่มจัดแคมเปญ “เอเวอร์เซ้นส์ บิ๊กแบง เกิร์ล ในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับเอเวอร์เซ้นส์ว่าการรุกตลาดในปีนี้ จะเสริมให้รายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 40% จากการสนับสนุนของผู้บริโภค อย่างแน่นอน นายเสรี กล่าวสรุปในที่สุด