มิตซูบิชิ รุกตลาดลิฟต์ บันไดเลื่อน ลูกค้านิยมซื้อรับเทรนด์สังคมสูงอายุ
มิตซูบิชิ เอลเวเลเตอร์ เดินหน้ารุกตลาดลิฟต์ บันไดเลื่อน คาด ปี 59 ตลาดรวมโต 7% จาก 5,802 ตัว ในปี 58 เหตุลูกค้าที่อยู่อาศัยนิยมติดตั้งรองรับคนสูงอายู ตั้งเป้ากวาดยอดขาย 1,800 ตัวมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้าน ล่าสุดเปิดตัวลิฟต์รุ่นใหม่ Series-SVC/SED ราคาพร้อมติดตั้งเริ่มต้น 1.25 ล้านบาท
นายมุเนะอิสะ โอกาโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายลิฟต์ บันไดเลื่อน แบรนด์ "มิตซูบิชิ" เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดลิฟต์ บันไดเลื่อน ในปี 2559 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นกลุ่มที่พักอาศัย สัดส่วน 50% รองลงมาเป็น กลุ่มอาคารสำนักงานสัดส่วน 10%, กลุ่มห้างสรรพสินค้า สัดส่วน 5% และที่เหลืออีก 30% เป็นลูกค้ากลุ่มอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ตลาดลิฟต์ บันไดเลื่อนมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากผู้ผลิตจากจีนหันมาทำตลาดในไทยมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนตกต่ำ โดยมีราคาถูกกว่าแบรนด์ยอดนิยมถึง 30% แต่อย่างไรก็ตาม สินค้าจากจีนยังไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากผู้บริโภคยังคงนิยมสินค้าที่มีคุณภาพ เพราะเป็นสินค้าที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูง และต้องใช้งานเป็นเวลานาน
ปัจจุบันลิฟต์ที่บริษัทฯจำหน่ายอยู่แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.ลิฟต์สำหรับโดยสารคน แบ่งเป็นลิฟต์บ้าน, ลิฟต์สำหรับคอนโดมิเนียม-อาคารสำนักงาน และลิฟต์เตียง สำหรับใช้ในโรงพยาบาล 2.ลิฟต์บรรทุก สำหรับขนส่งสินค้า ซึ่งราคาจำหน่ายนั้นขึ้นอยู่กับน้ำหนัก และความเร็ว
ทั้งนี้ บริษัทเน้นนโยบายเรื่องการพัฒนาสินค้าที่เน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหลักซึ่งถือเป็นจุดแข็ง ปัจจุบันมีโรงงานผลิตใน 3 ประเทศคือ ญี่ปุ่น จีนและไทย โดยไทยมีโรงงานผลิตที่ อมตนคร จ.ชลบุรี บนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ มีกำลังการผลิต 13,000 เครื่อง/ปี (สามารถขยายกำลังการผลิตได้อีก 3 เท่าตัว) และส่งจำหน่ายไปทั่วโลก โดยในปี 2558 ที่ผ่านมาสามารถผลิต และจำหน่าย ลิฟต์-บันไดเลื่อนไป 1,756 ตัว และในปี 2559 บริษัทตั้งเป้ายอดขายลิฟต์-บันไดเลื่อนไม่ต่ำกว่า 1,800 ตัว มูลค่า 15,100 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนมกราคม-ธันวาคม 2558 สามารถผลิตและจำหน่ายแล้ว 1,668 ตัว (ปีบัญชีเริ่ม จากเดือนเมษายน-เดือนมีนาคมปีถัดไป)คาดว่าทั้งปีรายได้จะอยู่ที่ 15,100 ล้านบาท
ด้านนายสันติพงษ์ บูรณกฤตยา กรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดลิฟต์บ้านในปี 2558 เทียบ 2557 ตลาดโตถึง 17% เมื่อเทียบกับตลาดลิฟต์โดยรวมโตเพียง 7% ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมีความต้องการลิฟต์ในบ้านพักอาศัยมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวก สบาย ประกอบกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่เปลี่ยนไปเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น หลังจากมีลิฟต์ในการอำนวยความสะดวกผู้ สูงอายุ สามารถ พักอาศัยชั้นบนสุดของบ้านได้ จากเดิมที่ต้องพักอาศัยแต่ชั้นล่างของตัวบ้าน
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวลิฟต์รุ่นใหม่ Series-SVC/SED ซึ่งได้เปิดตัวในงานสถาปนิก59 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเพียงวันเดียวมีผู้สนใจลงทะเบียนกว่า 100 ราย ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติโดยลิฟต์รุ่นใหม่นี้จะเป็นลิฟต์บ้านขนาดบรรทุก 250 กิโลกรัม ที่มีขนาดใหญ่และกว้างเป็นพิเศษ สามารถนำรถเข็นแบบนั่งเข้าไปได้ เน้นความปลอดภัย และเพิ่มคุณภาพชีวิต ของทุกคนในครอบครัว โดยรับประกันคุณภาพ บริการหลังการขาย และรับประกันอะไหล่นาน 25 ปี โดยราคาลิฟต์สำหรับบ้าน 2 ชั้นเมื่อรวมค่าติดตั้งแล้วราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1.25 ล้านบาท
"งานสถาปนิก59 เราแค่มาแนะนำลิฟต์รุ่นใหม่ เพราะแนวโน้มลิฟต์บ้านจะมีอัตราการเติบโตที่เท่ากับปีที่ผ่านมาคือที่ 17% เนื่องจากสามารถตอบโจทย์และความต้องการของลูกค้าได้มาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าการที่จะตัดสินใจซื้อลิฟต์นั้นไม่ง่ายเหมือนสินค้าทั่วไป เพราะมีราคาที่สูง ซึ่งลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อจะเป็นการซื้อเผื่ออนาคตที่จะต้องเข้าสู่วัยชราและสนองผู้สูงวัยในบ้าน" นายสันติพงษ์ กล่าว
ในไตรมาส 1/2559 ที่ผ่านมาบริษัทฯได้เซ็นสัญญาซื้อขายลิฟต์กับผู้ประกอบ การอสังหาฯ ที่พัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูง ไปแล้วจำนวน 4 ราย จำนวนไม่ต่ำกว่า 250 ตัว โดยคาดว่าในปีนี้ตลาดรวมลิฟต์บ้านจะมีอัตราการเติบโตที่ 7% จากลิฟต์ในตลาดรวม 5,802 ตัว แต่มีดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 6,200 ตัว และมีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นเป็น 29% จากปี 2558 ที่มีส่วนแบ่งตลาด 28.7% โดยบริษัทฯมียอดขายลิฟต์บ้านกว่า 100 ตัว
นอกจากจำหน่ายลิฟต์ บันไดเลื่อนในประเทศไทยแล้วบริษัทยังทำตลาดที่ ลาว กัมพูชา เมียนมา และตะวันออกกลางโดยปัจจุบันประเทศไทยถือว่าสามารถทำรายได้ดีถึง 10% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในอาเซียนรองลงมาจะเป็นเวียดนามและฟิลิปปินส์ ตามลำดับ หากนับทั่วภูมิภาคเอเชียกลุ่มตะวันออกกลาง จะมาเป็น อันดับ 1.