ทรู แถลงข่าวถอนฟ้องผู้บริหาร กสท พร้อมยืนยันจ่ายเงินครบ เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ได้ทำผิดสัญญาสัมปทาน
นายนพปฎล เดชอุดม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารด้านการเงิน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น แถลงข่าวต่อกรณีที่คณะกรรมการ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) มีมติให้หาทางยกเลิกสัมปทาน "ทรูมูฟ" ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ TRUE รวมทั้งจะยึดคลื่นความถี่คืนนั้น ตนเองขอยืนยันว่า ได้ปฏิบัติทุกอย่างถูกต้องตามสัญญา และเชื่อว่า กสท.จะไม่สามารถยกเลิกสัมปทานของทรูมูฟได้ เนื่องจากตามสัญญาสัมปทานกำหนดว่า กสท ไม่สามารถยึดหรือเพิกถอนสัญญาก่อนครบอายุในปี 2556 ได้ รวมไม่ทั้งสามารถยึดคลื่นความถี่คืนได้
นายนพปฎล กล่าวต่อว่า การที่คณะกรรมการ กสท มีมติจะบอกยกเลิกสัมปทานของทรูมูฟ น่าจะเกิดจากการที่ทรูมูฟได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายยื่นฟ้องร้องเพื่อขอคืนแบงก์การันตีที่ให้ไว้กับ กสท.ตั้งแต่ปี 2551 มูลค่า 1,310 ล้านบาท เนื่องจากทรูมูฟมั่นใจว่า ได้จ่ายเงินส่วนแบ่งรายได้ให้กับ กสท.ครบถ้วนตามสัญญาปีละกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งการที่ กสท.ไม่คืนแบงก์การันตีฉบับเดิม ทำให้ทรูมูฟก็ไม่สามารถให้แบงก์การันตีฉบับใหม่อีก 646 ล้านบาทให้กับ กสท.ได้
ส่วนการที่สำนักงานกฎหมายของทรูมูฟ ได้กำหนดจำเลยในคดีที่ยื่นฟ้องเรียกแบงก์การันตีคืนให้ กสท.เป็นจำเลยที่ 1 และ ผู้บริหารของ กสท 2 รายเป็นจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้น นายนพปฎล ชี้แจงว่า เป็นเรื่องที่ทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย แต่บริษัทก็น้อมรับว่าอาจเป็นการทำเกินกว่าเหตุ และพร้อมที่จะขอโทษผู้บริหารทั้ง 2 ราย รวมทั้งถอนชื่อผู้บริหารกสท.ออกจากการเป็นจำเลยที่ 2 และ 3
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังยืนยันที่จะฟ้องร้องเพื่อเรียกแบงก์การันตีคืนจาก กสท. เนื่องจากบริษัทเองก็มีภาระผูกพันกับทางสถาบันการเงินด้วยเช่นกัน " ทรู ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะฟ้องผู้บริหาร ส่วนตัวจะเข้าไปขอโทษด้วยตัวเอง และพร้อมจะรับผิดชอบ แต่การถอนฟ้องไปเลยคงจะเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะเราต้องการเช็คการันตีคืน และ กสท.ไม่มีสิทธิยึดเอาไว้" นายนพปฎล กล่าวสรุป