“อิ่มเจ อิ่มใจ อิ่มบุญ เกื้อหนุนชาวนาไทย”
พร้อมแนะนำโปรโมชั่น Healthy J Festival อิ่มเจ อิ่มใจ อิ่มบุญ ที่แบล็คแคนยอน
แบล็คแคนยอนมั่นใจกระแสรักสุขภาพและกินเจ 2 รอบครั้งแรกในรอบ 132 ปีผลักดันให้เทศกาลกินเจปีนี้คึกคักจัดแคมเปญ “เฮลท์ตี้ เจ เฟสติวัล” พร้อมแนะนำกาแฟเจ เครื่องดื่มเจ และข้าวฮางงอกหอมมะลิ” คุณค่าทางโภชนาการสูง รสชาติอร่อย…มีสารกาบา (GABA) มากกว่าข้าวกล้อง 15 เท่า อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ เสิร์ฟกับเมนูอาหารเจสูตรเด็ด เอาใจผู้รักสุขภาพและผู้ที่ถือศีลกินเจตลอดช่วงเทศกาลเจพร้อมสานต่อกิจกรรม ซีเอสอาร์ “อิ่มเจ อิ่มใจ อิ่มบุญ เกื้อหนุนชาวนาไทย” เพื่อช่วยเหลือเกื้อหนุนชาวนาไทยพร้อมให้บริการเมนูอร่อยอย่างต่อเนื่องตลอดเทศกาล ณ ร้านแบล็คแคนยอน ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน -5 พฤศจิกายน 2557 นี้
นางกรรณิการ์ ชินประสิทธิ์ชัยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารตราสินค้า บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในเทศกาลกินเจปีนี้ เป็นครั้งแรกใน 132 ปี ที่ปฏิทินตามจันทรคติของจีน มีเดือน 9 ถึง 2 ครั้ง ดังนั้น จึงมีการกำหนดให้มีการกินเจ 2 รอบ คือ รอบแรก ระหว่างวันที่ 24 กันยายน –2 ตุลาคม 2557 และ รอบสอง ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2557 ประกอบกับกระแสการรักสุขภาพและผู้ที่ถือศีลกินเจ ที่เพิ่มมากขึ้น แบล็คแคนยอน จึงได้จัดแคมเปญ “Healthy J Festival อิ่มเจ อิ่มใจ อิ่มบุญ” ซึ่งจะให้บริการเมนูเครื่องดื่มและอาหารเจตลอดเทศกาล
แคมเปญ “Healthy J Festival อิ่มเจ อิ่มใจ อิ่มบุญ” เพื่อต้อนรับเทศกาลกินเจปีนี้ แบล็คแคนยอน ได้จัดสร้างสรรค์เมนูอาหารและเครื่องดื่มอย่างพิถีพิถัน โดยนำเสนอเครื่องดื่ม “เจ” ที่มีส่วนประกอบด้วยถั่วเหลือง แหล่งรวมโปรตีนที่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ปราศจากคอเลสเตอรอล อาทิ กาแฟร้อนคาปูชิโนเจ, กาแฟเย็นคาเฟ ลาเต้เจ, ชาเขียวมัทชะลาเต้เย็นเจ, ชาไทยลาเต้เย็นเจ, เฮลเซลนัทซอยมิลค์แฟรปเป้ และน้ำอัญชันมะนาวเย็น
สำหรับเมนูอาหารเจยอดนิยมจะปรุงสดทุกเสิร์ฟ โดยคัดสรรมาให้เป็นพิเศษ อาทิ สลัดแอปเปิ้ลกุ้งแม่น้ำเจ,ไก่เส้นเจ, พล่าหมูย่างเจ, ยำวุ้นเส้นกุ้งแม่น้ำเจ, หมี่ซั่วไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์เจ, ข้าวผัดเขียวหวานไก่เส้นเจ ข้าวผัดเห็ดหอมไก่เส้นเจ ที่เสิร์ฟพร้อมต้มแซ่บไก่เจ ฯลฯ
โดยเฉพาะเมนูข้าวในเทศกาลเจนี้ แบล็คแคนยอน ได้บริการ “ข้าวฮางงอกหอมมะลิ”ภายในร้าน และบรรจุแบบเป็นถุงสุญญากาศ 1 กิโลกรัม เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำกลับบ้านได้ ข้าวฮางงอกหอมมะลิ อุดมไปด้วยสารอาหาร มีสารกาบา (GABA) มากกว่าข้าวกล้อง 15 เท่า อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ จึงมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าธัญพืชอื่นๆ อีกทั้ง ยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรงและสมดุล เพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยป้องกัน เช่น ความดัน เบาหวาน ไขมันสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน ไขข้ออักเสบ โรคไต โรคเกี่ยวกับประสาทและสมอง ความจำเสื่อม การแก่เกินวัย โรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นับเป็นสิ่งดีๆ ที่แบล็คแคนยอน ตั้งใจมอบให้ลูกค้าได้ ร่วมอิ่มเจ อิ่มใจ อิ่มบุญ และมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมๆ กัน
จากพันธกิจ ที่แบล็คแคนยอน ต้องการเสริมสร้างกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงร่วมกับ มูลนิธิสัมมาชีพ ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและสนับสนุนให้ชาวนาไทยให้มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการนำ “ข้าวฮางงอกหอมมะลิ”จาก ต.โพนทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ มาให้บริการข้าวฮางงอกหอมมะลิตลอดช่วงเทศกาลเจในแคมเปญ “Healthy J Festival อิ่มเจ อิ่มใจ อิ่มบุญ”ที่ร้านแบล็คแคนยอน ตั้งแต่วันที่ 20กันยายน - 5 พฤศจิกายน 2557 นี้
นางกรรณิการ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน แบล็คแคนยอน มีจำนวน 271สาขาทั่วประเทศ และในต่างประเทศ จำนวน 55 สาขา ในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ และใน ปีนี้ มีแผนจะเปิดสาขาใหม่อีกหลายสาขา ทั้งใน รูปแบบ Full Restaurant และ Bakery Cafe ทั้งนี้ สำหรับ การจัดแคมเปญ “Healthy J Festival อิ่มเจ อิ่มใจ อิ่มบุญ” ช่วยตอบสนองความต้องการให้กับกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและยึดถือตามประเพณีถือศีลกินเจ ในช่วงเทศกาลเจได้เป็นอย่างดี โดยมูลค่าตลาดเทศกาลเจมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ ในการรุกตลาดนั้น จะมุ่งเน้นเปิดร้านสาขาในหลากหลายทำเล ตกแต่งร้านในบรรยากาศที่สวยงาม พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ บริการลูกค้าให้ประทับใจ จัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดแบบ บีโลว์เดอะไลน์ และเน้นช่องทางสื่อออนไลน์มากขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยจะจัดกิจกรรมผ่าน เฟซบุ๊ก พร้อมอัพเดตข่าวสารโปรโมชั่น ตลอดจนจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าเพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่องนางกรรณิการ์ กล่าวสรุปในที่สุด
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิสัมมาชีพ กล่าวว่า มูลนิธิสัมมาชีพ เกิดจากความร่วมมือของผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลงจากภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มุ่งประสานจุดแข็งของภาคชุมชนและภาคธุรกิจ เพื่อให้เกิดการเพิ่มพลังฐานรากของสังคมให้เข้มแข็งเพิ่มพลังสังคมแห่งการเอื้ออาทรต่อกัน บนพื้นฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน
• วิสัยทัศน์ มูลนิธิสัมมาชีพคือส่งเสริมให้เกิดสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ด้วยการสนับสนุนให้คนส่วนใหญ่มีรายได้มากกว่ารายจ่าย มีการดำรงชีวิตที่ลดการเบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น และสิ่งแวดล้อม
• พันธกิจ มูลนิธิสัมมาชีพคือการประสานความร่วมมือกับทุกเครือข่ายและหน่วยงานทุกภาคส่วนเป็นสะพานเชื่อมให้เกิดสัมมาชีพเต็มพื้นที่
• เป้าหมาย การดำเนินงานของมูลนิธิสัมมาชีพ ระหว่างปี 2556-2559 คือสร้างต้นแบบการเสริมพลังซึ่งกันและกันระหว่างภาคธุรกิจและภาคชุมชนเข้มแข็งเพื่อร่วมสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Business in Sustainable Development) เน้นกระบวนการพัฒนาอย่างบูรณาการโดยมีพื้นที่ชุมชนเป็นตัวตั้ง (Area Base Collaborative Development) มีกระบวนการประชาธิปไตยโดยการส่วนร่วมของคนในชุมชน เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนพัฒนาศักยภาพตั้งแต่ระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน โดยใช้กิจกรรมเศรษฐกิจสร้างกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิสัมพันธ์ (Interactive Learning Through Action) ซึ่งจะทำให้ชุมชนพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน และทำงานร่วมกับภาคียุทธศาสตร์ (Strategic Partner) เพื่อให้สามารถขยายผลได้เต็มพื้นที่
มูลนิธิสัมมาชีพขับเคลื่อนงานพัฒนาด้วยกลยุทธ์ 3 ด้านโดยโครงการ “หนึ่งตำบล หนึ่งบริษัท” เป็นกลยุทธ์หลัก และการสร้างเครือข่ายนักธุรกิจจิตอาสาและการตลาดเพื่อสังคมเป็นกลยุทธ์สนับสนุน กิจกรรมหลักที่สนับสนุนเป้าหมายของมูลนิธิเช่น “โครงการอบรมผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง” เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการติดอาวุธทางปัญญาให้กับผู้นำทุกภาคส่วนที่ใส่ใจสังคมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาความคิดและข้อเสนอถึงการหาแนวทางแก้ไขปัญหาบ้านเมือง กิจกรรม “บุคคลสัมมาชีพ” อันเป็นการประกาศเกียรติคุณบุคคลสัมมาชีพแห่งปี เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติบุคคลผู้ประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจด้วยหลักสัมมาชีพอันจะเป็นต้นแบบที่ดีงามของสังคม กิจกรรมเวทีประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาซึ่งเป็นเวทีที่คณะกรรมการที่ปรึกษานำโดยศ.นพ.ประเวศ วะสี และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพื่อพิจารณารายงานความคืบหน้าในการปฏิบัติงานตลอดจนให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน ตลอดจนงานสำนักงานที่เป็นฝ่ายประสานงานขับเคลื่อนงานอย่างเป็นระบบ
ในปี 2556-2557 มูลนิธิสัมมาชีพเดินหน้าสร้างพื้นที่ต้นแบบ “หนึ่งตำบล หนึ่งบริษัท” จำนวน 5 ตำบล ร่วมกับภาคี 3 บริษัทคือ
• ตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ร่วมกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่นโปรดักส์ จำกัด (มหาชน)
• ตำบลบัวใหญ่ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ตำบลโพนทอง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ และตำบลเขาถ่าน อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
• ตำบลแจงงาม อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด
การนำเสนอข้าวฮางงอกหอมมะลิ เป็นการเริ่มต้นความร่วมมือระหว่าง บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด และมูลนิธิสัมมาชีพในการต่อยอดทางการตลาด ร่วมส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นจากตำบลโพนทอง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิซึ่งจะมีการพัฒนาความร่วมมืออย่างต่อเนื่องต่อไปในการทำการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนในพื้นที่ที่มูลนิธิสัมมาชีพและภาคีภาคธุรกิจร่วมทำงานพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
นายศานิต กล้าแท้ ประธานสภาผู้นำองค์กรชุมชน ตำบลโพนทองกล่าวว่า “ข้าวฮางงอกหอมะลิ”เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ผลิตขึ้นตามกรรมวิธีของชาวนาไทยในภาคอีสาน โดยที่ ต.โพนทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีการรณรงค์ให้ชาวนาปลูกข้าวหอมมะลิ105 แบบอินทรีย์ จำนวน 84 ครอบครัว บนพื้นที่ 400 ไร่ ไม่ใช้สารเคมี และใช้ปุ๋ยที่ผ่านการรับรองจากบริษัทที่จดทะเบียนสำนักงานรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
วิธีการผลิตข้าวฮางงอกหอมมะลิ คือนำเอาข้าวเปลือกมาแช่น้ำไว้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการงอกของข้าว ทำให้สารอาหารต่างๆ จากเปลือกข้าวซึมเข้าไปในเมล็ดข้าว แล้วจึงนำมานึ่ง เพื่อจัดเก็บสารอาหารให้คงไว้ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง และนำไปสีโดยเครื่องสีข้าวกะเทาะเปลือก ในนามของเกษตรกร ชาวนา ผู้ปลูกข้าว ขอขอบคุณ บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด มูลนิธิสัมมาชีพ และผู้สนับสนุนทุกๆท่าน ที่ช่วยเหลือชาวนาไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น”