“ถ่านอนามัย” ขึ้นห้าง “ผลพลอยของพอเพียง”

ผลิตภัณฑ์เพื่อสังคมและสุขภาพ จากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)

 

ข่าว PR Focus

มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นช่วงปลายปีที่ผ่านมา นับว่าส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประชาชนในชนบท เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการทำมาหากิน  พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ นายกกิตติมศักดิ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ทรงตระหนักถึงความสำคัญ ในการที่จะช่วยฟื้นฟูวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จึงได้เกิดโครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาชีพแก่ชุมชนที่เสี่ยงอุทกภัย ตามแนวทางพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” เนื่องในงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554  ภายใต้ชื่อโครงการ “ชุมชนเข้มแข็งผลิตอาหารรับประทานใน ๔๕ วัน”  ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะเริ่มต้นให้เกิดการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง จนกระทั่งพัฒนาการสู่อาชีพที่มีรายได้ดี โดยจะต้องปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งสร้างความมั่นคงให้สังคม ทั้งในระดับครัวเรือนและในระดับชุมชน

 

โครงการ “ชุมชนเข้มแข็งผลิตอาหารรับประทานใน ๔๕ วัน เป็นความร่วมมือระหว่าง  มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โดยจัดให้มีกิจกรรมที่จะช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดความรู้ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ รวมไปถึงการช่วยจัดหาแหล่งจำหน่าย ระบายสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อให้ประชาชนได้กลับมามีคุณภาพชีวิต มีความมั่นคงด้านอาหาร     และมีอาชีพที่จะสร้างรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตในระยะยาว  

 

ศาสตราภิชาน นพ.พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย กล่าวว่า ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัย เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารและฟื้นฟูอาชีพให้ยั่งยืน  โดยที่ผ่านมา การดำเนินโครงการ ชุมชนเข้มแข็งผลิตอาหารรับประทานใน ๔๕ วัน  ได้ริเริ่มให้ประชาชนได้ใช้ความรู้และเทคโนโลยี เข้ามาผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อใช้กินและใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เมื่อมีเหลือใช้แล้ว ก็จะผลิตผลิตภัณฑ์นั้นๆ ออกมาวางจำหน่ายสร้างรายได้อีก ผลิตภัณฑ์หนึ่ง ที่เกิดขึ้นจากหลักเศรษฐกิจพอเพียง และสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดในการดำเนินโครงการฯ ได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือ “ถ่านอนามัย” ซึ่งเกิดจากกระบวนการผลิตที่นำความรู้และเทคโนโลยีไปถ่ายทอดให้ชาวบ้าน ซึ่งนอกจากจะได้ “ถ่านอนามัย” ที่มีคุณภาพสูงแล้ว ยังได้ “น้ำส้มควันไม้” ใช้ในการบำรุงพืชและลดศัตรูพืช  นอกจากนี้“น้ำส้มควันไม้กลั่น” ยังใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง และอาหารประเภทรมควันต่างๆ  ซึ่งล้วนได้มาจากขบวนการผลิตถ่านอนามัย อันเป็นผลพลอยของพอเพียง ที่เกิดจากการพัฒนาทางการเกษตรแบบวิถีธรรมชาติและเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น

 

 

 

 

“ถ่านอนามัย” ถือได้ว่าเป็น นวัตกรรมอุตสาหกรรมสู่เชิงพาณิชย์ โดยเริ่มต้นจาก ผศ.ดร.นิคม แหลมสัก ร่วมกับ บริษัท ทรี โปรดักส์ จำกัด (Tree Products Co., Ltd) ได้ทำการวิจัย ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการในการผลิตถ่านไม้ (TP-CHARR) ของไทย เพื่อให้ได้ถ่านไม้สะอาดคุณภาพสูงและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค  ซึ่งแนวคิดนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมการกินอาหารประเภทปิ้งย่าง  หากแต่ที่ผ่านมา อาหารประเภทนี้ ส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วยว่า ถ่านไม้ ที่ใช้กันอยู่ในท้องตลาดทั่วไปนั้น มีคุณภาพต่ำ มอดเร็ว เมื่อเผาไหม้จะมีควันและมีขี้เถ้ามาก ควบคุมความแรงของไฟยาก   อีกทั้ง มีปริมาณสารระเหย (Volatile Matter) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในปริมาณที่สูง  เพราะเกิดจากกรรมวิธีผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน การรับประทานอาหารปิ้ง-ย่างที่ใช้ถ่าน ซึ่งอาจผลิตจากไม้เฟอร์นิเจอร์เก่า ไม้เหล่านี้ผ่านกระบวนการอาบน้ำยาเคมีมาแล้ว เมื่อนำมาใช้ปิ้งย่าง สารพิษดังกล่าวจะระเหยเข้าไปสู่อาหารทำให้เป็นอันตรายได้  สำหรับถ่านอนามัย จะมีน้ำหนักเบา รูปร่างค่อนข้างแน่นอน เนื่องจากมีการคัดขนาดจากไม้ยูคาลิปตัสเพียงชนิดเดียว เพื่อนำมาผลิตตามหลักวิชาการ ภายใต้การควบคุมอุณหภูมิซึ่งเป็นกรรมวิธีเฉพาะ  ทำให้ถ่านอนามัยมีค่าความชื้นต่ำกว่า 8% แต่ให้ค่าความร้อนสูง ควันน้อย มอดดับช้า ทนทาน มากกว่า 7,000 cal/g    ทั้งนี้ ไม้ยูคาลิปตัส ที่นำมาใช้ผลิต “ถ่านอนามัย” นั้น ถือได้ว่าเป็นไม้ปลูกที่ได้จากการเกษตรกรรม จึงช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่ทำการเกษตรในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัย เป็นการคืนคุณภาพชีวิตและสภาวะเศรษฐกิจบนหลักความพอเพียง  อีกทั้ง ยังช่วยลดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า  

 

ในวันนี้ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้นำ “ผลพลอยของพอเพียง” ชิ้นสำคัญชิ้นแรก นั่นก็คือ “ ถ่านอนามัย” ที่นอกจากจะมีคุณสมบัติในการประกอบอาหารได้ดีเยี่ยมและดีต่อสุขภาพแล้ว  ยังมีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับกลิ่น เชื้อโรค และสารพิษบางชนิดได้ดีกว่าถ่านไม้ธรรมดา ทำให้บรรยากาศสดชื่นปลอดภัย  โดยจะวางจำหน่ายในห้าง ภายใต้ชื่อ  PPP – CharKo ใช้เพื่อสุขภาพและประดับบ้าน สะดวกในการใช้และใช้ในการทำบาร์บีคิว ปิ้งย่างหุงต้มได้ และ PPP Grills ใช้เพื่อการประกอบอาหารเป็นหลัก บรรจุอยู่ในกล่องสวยงาม ขนาด 750 กรัม จำหน่ายในราคาเพียง กล่องละ 200 บาท โดยในช่วงแรกจะวางจำหน่ายภายใน กูเม่ ซุปเปอร์มาร์เก็ต สาขา เอ็มโพเรียม และ สยามพารากอน สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเป็นตัวแทนจำหน่าย สามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ มูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โทรศัพท์ 02-256-4583-4 ในวันเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์

 

“ถ่านอนามัย” PPP CharKo และ PPP Grills โดยมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ที่จะวางจำหน่ายภายในห้างสรรพสินค้าระดับชั้นนำ เพื่อที่จะชูโรงให้คนในสังคมได้เห็นถึงแก่นแท้ในการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ได้ช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาเดือดร้อนจากอุทกภัยอย่างยั่งยืน ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง ยังเป็นช่องทางให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้เกื้อกูลกันและกันในสังคม  ยิ่งไปกว่านั้น  ยังเป็นสินค้าเศรษฐกิจที่จะนำรายได้เข้ามาสู่ประเทศในอนาคตต่อไป

News PRfocus
News PRfocus
News PRfocus
News PRfocus
News PRfocus
         
News PRfocus
News PRfocus
News PRfocus
News PRfocus
News PRfocus
         
News PRfocus
News PRfocus
News PRfocus
News PRfocus
News PRfocus
         
News PRfocus
News PRfocus
     
 
บริษัท พีอาร์ โฟกัส จำกัด
เลขที่ 9/134 หมู่บ้านทองสถิตย์ 9 วิลล่า ถนนวัชรพล แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 10220

Offfice : 02-654-7551-2 Fax : 02-654-7553 Email : prfocus@truemail.co.th

Copyright©prfocus 2015 , Allright Reserve.